บำรุงผิว

บำรุงผิว

     เราสามารถบำรุงผิวได้ทั้งจากภายนอก และจากภายใน การทาครีมบำรุงต่างๆ อย่างยากันแดด โลชั่นหรือเซรั่มเป็นการบำรุงผิวจากภายนอกแล้ว การรับประทานสารอาหารที่ช่วยบำรุงผิวทำให้แข็งแรงจากภายในก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ควรทำควบคู่กันไปด้วย

     หลายคนคิดว่าขณะนี้อายุยังน้อย ผิวอ่อนเยาว์ สดใสอยู่แล้ว ทำไมต้องบำรุงผิว ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องคนอายุมาก รอให้ผิวเสียก่อนแล้วค่อยไปแก้ไขทีหลังได้ไหม ปัจจุบันมีปัจจัยต่าง ๆ มากมาย ที่ทำร้ายผิวของเรา และถ้าเราบำรุงผิวตั้งแต่สุขภาพผิวยังสดใสดีอยู่ การบำรุงที่ดีอาจจะช่วยคงสภาพผิวของเราให้อ่อนเยาว์ไปนานอย่างที่เราคิดไม่ถึงก็ได้

สาเหตุทำให้ผิวแห้งเสีย

1.รังสีอุลตราไวโอเลตจากแสงแดด รังสี UV สามารถทำให้ผิวหนังเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ เพราะแสงแดดเป็นตัวทำลายคอลลาเจนที่เป็นเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ประสานเซลล์ผิวหนังเข้าด้วยกัน และไฟเบอร์อีลาสตินในผิวหนังจะหนาขึ้นเมื่อได้รับแสงแดดมากเกินไป

2.อากาศแห้ง เช่นฤดูหนาว ความชื้นในอากาศจะต่ำลงเป็นสาเหตุทำให้ผิวแห้งหยาบ ผิวแห้งแตกและถูกดึงความชุ่มชื้นออกจากผิวหนัง อากาศที่หนาวจัดจะทำให้เส้นเลือดหดตัว เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ไม่ดี เครื่องทำน้ำอุ่นก็ทำให้ผิวแห้งได้เช่นกัน

3.มลภาวะในอากาศ ฝุ่นควันเสีย ควันจากอาหาร ฯลฯ จะทำให้มีสารตกค้างที่ผิวหนังจนส่งผลทำให้ผิวพรรณเสื่อมโทรมและดูหมองคล้ำ ซึ่งปกติแล้วเยื่อหุ้มเซลล์จะเป็นด่านป้องกันที่สำคัญของร่างกายและมีหน้าที่ตัดสินว่าสารตัวใดที่ควรหรือไม่ควรจะนำเข้าสู่ร่างกาย ผิวเสื่อมโทรมทำให้สารอนุมูลอิสระเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น

4.ความเครียด เป็นสาเหตุทำให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียดและการทำงานของร่างกายแปรปรวนในหลายระบบ รวมทั้งการขับถ่ายของเสีย สารพิษ และทำให้ผิวหนังเสื่อมง่าย

5.ปัจจัยต่าง ๆ เช่น การสูบบุหรี่ เสพยาเสพติด, สารตกค้างในร่างกาย สารกันบูด สารกันเชื้อรา, เครื่องดื่มคาเฟอีน, แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยทำให้ผิวเสีย

สารอาหารบำรุงผิว

1.วิตามินซี และกลูตาไธโอน ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยต่างๆ ลดการอักเสบของผิวหนัง ช่วยยับยั้งการเกิดเอนไซม์ไทโรสิเนสที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดสี ทำให้รอยสิวและจุดด่างดำลดลง และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและสดใสขึ้น นอกจากนี้กลูต้าไธโอนยังช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส เพราะมีส่วนช่วยในการยับยั้งการเกิดเอนไซม์ไทโรสิเนสได้เหมือนกัน และยังช่วยปกป้องคอลลาเจนจากการทำร้ายของแสงแดดได้อีกด้วย

2. วิตามินอี ลดเลือนริ้วรอย วิตามิน E จะเป็นตัวเร่งในกระบวนการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยโปรตีนในผิว ทำให้ผิวเด้งขึ้น ดูอวบอิ่มและริ้วรอยดูจางลง นอกจากนี้ยังช่วยผลัดเซลล์ผิวจากภายนอก ชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิว เหมาะกับผู้ที่เผชิญมลภาวะต่างๆอยู่เป็นประจำ

3.คอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื้น ยืดหยุ่นให้กับผิว คอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เกิดจากการรวมตัวของกรดอะมิโน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งหยาบกร้าน ริ้วรอยต่างๆ และ ผิวไม่กระชับ ซึ่งคอลลาเจนจะทำหน้าที่เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิวทำให้ผิวกระชับมากขึ้น ลดการเกิดริ้วรอยต่างๆ รวมทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างเซราไมด์ เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและเรียบเนียนมากขึ้น

4.วิตามินเอ (Vitamin A) ช่วยป้องกันการเสื่อมอายุของผิวหน้า ซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพ บำรุงผิวให้แข็งแรง และยังมีความสำคัญต่อขบวนการเติบโตของผิวหน้าให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติอีกด้วย แต่ควรได้รับในปริมาณที่พอดี หรือประมาณ 3 มิลลิกรัม เพราะถ้ามากเกินไปจะเป็นอันตรายและทำให้ผิวหยาบกร้านได้

5.แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ร่างกายจะต้องเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของวิตามินเอก่อนจึงจะนำไปใช้ได้ แคโรทีนอยด์ที่รู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีน ที่พบได้ในผักใบเขียวและในผักผลไม้สีส้ม

6.วิตามินบีรวม ช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวหนังเรียบ ช่วยซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพและสีผิว โดย 

    • วิตามินบี 1 จะช่วยในการผลัดเซลล์ผิวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น, 
    • วิตามินบี2 จะช่วยบำรุงผิวหนัง, 
    • วิตามินบี 5 ช่วยต้านความเครียดที่จะทำให้ผิวหม่นหมอง, 
    • ไบโอติน ช่วยสร้างคอลลาเจน กรดอะมิโน และกรดไขมัน ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้งซีดดูไม่สดใส

7.วิตามินดี (Vitamin D) ช่วยส่งเสริมให้ผิวหายใจได้ดียิ่งขึ้น ผิวจึงดูสดใสเปล่งปลั่ง ช่วยต้านความเครียด และลดโรคผิวหนังบางชนิด ซึ่งการที่ร่างกายได้รับวิตามินดีจากแสงแดดอ่อน ๆ วันละ 15 นาที ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

8.สังกะสี (Zinc) ช่วยซ่อมแซมคอลลาเจนที่สึกหรอ ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ ทำให้วิตามินต้านอนุมูลอิสระทำงานดีขึ้น ช่วยชะลอความแก่ชรา และป้องกันผิวหนังแห้งหยาบ

9.โครเมียม (Chromium) ช่วยต้านทานการติดเชื้อของผิวหนัง เยียวยาเนื้อเยื่อของร่างกาย ทำให้แผลหายเร็ว ป้องกันรอยแผลเป็น และช่วยควบคุมการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง

10.ซีลีเนียม (Selenium) จะทำงานร่วมกับวิตามินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินเอ เป็นส่วนประกอบของกลูต้าไธโอน เปอร์ออกซิเดส ซึ่งเป็นเอนไซม์ป้องกันเซลล์ไม่ให้เกิดอันตรายจากอนุมูลอิสระ

11.โคเอ็นไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10) ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสียูวี

12.กรดอัลฟาไลโปอิค (Alpha Lipoic Acid) ช่วยสร้างและซ่อมแซมคอลลาเจนของผิวหนัง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินซีและอี

13.สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (OPC) เป็นสารที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอีลาสติน

14.ไลโคปีน (Lycopene) เป็นสารที่มีในมะเขือเทศ ช่วยในการกำจัดตัวการสร้างอนุมูลอิสระให้หมดฤทธิ์ไป จนไม่สามารถทำลายเซลล์ผิวหนังได้

15.ลูทีนและซีแซนทีน (Lutein & Zeaxanthin) เป็นสารที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคดวงตาเสื่อมตามวัย ป้องกันมะเร็ง และป้องกันหลอดเลือดตีบ

16.แอสตาแซนทิน (Astaxanthin) มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าเบต้าแคโรทีน 10 เท่า สามารถผ่านเข้าไปในสมองได้และทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระในสมองได้ดี

การใช้ชีวิตที่ดี เพื่อสุขภาพที่ดี

นอกเหนือจากการบำรุงผิวภายนอก ภายใน สุขภาพร่างกายก็ต้องดีด้วย การใช้ชีวิตอย่างมีความสุข พักผ่อนมาก ๆ นอนหลับให้เพียงพอ เครียดน้อยลง ทำให้สุขภาพจิตและสุขภาพกายดีขึ้น ก็จะส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง

  • ทานอาหารให้ครบ 5  หมู่ ระวังเรื่องการอดอาหาร หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำร้ายผิว ตามที่กล่าวด้านบน
  • ดื่มน้ำมาก ๆ งดกาแฟ สิ่งเสพติดทั้งหลาย
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับให้เพียงพอ
  • ปรึกษาแพทย์ เภสัช หรือเข้าคอร์สเสริมความงาม

Treatments

สารสกัดน้ำมันงาขาว มหัศจรรย์จากธัญพืช

“งาขาว” พืชเมล็ดจิ๋วที่ทุกคนรู้จักกันดี เป็นเมล็ดพืชเมล็ดจิ๋วแต่แจ๋วแถมยังดีต่อสุขภาพ เพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่จำเป็นต่อร่างก ...
Read more

ปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ / ความงามกับเรา