- สารสกัดจากน้ำมันงาขาว (Sesame oil )
- สารสกัดจากเมล็ดแฟล็กซ์ (Flaxseed oil)
- แมกนีเซียมผสมวิตามิน (Magnesium plus Vitamin)
- วิตามินรวม (Vitamin)
บทความอ้างอิง
1. งา ( sesame ) เมล็ดพืชที่ไม่ควรมองข้าม – จาก AM pro Health
งาขาว เป็นพืชที่ดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยพบว่าในงาขาวมีคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญ ได้แก่ พลังงาน 697 กิโลแคลอรี่ น้ำ 3.0 กรัม โปรตีน 26.1 กรัม ไขมัน 64.2 กรัม คาร์โบไฮเดรต 64.2 กรัม และแคลเซียม 90 มิลลิกรัม ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนดีต่อสุขภาพร่างกายทั้งสิ้น
ประโยชน์ของงาขาว
งาขาว มักถูกนำมาใช้สำหรับประกอบอาหาร ใช้เป็นส่วนผสมของขนมหวาน และงาขาวอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ จึงถูกนำมาใช้ในด้านสุขภาพและความงาม ซึ่งประโยชน์ของงาขาวก็มีหลากหลาย ได้แก่
1. งาขาว อุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน โดยข้อมูลทางโภชนาการระบุว่า งาขาวมีปริมาณของแคลเซียมมากกว่านมวัวถึง 6 เท่า และมีมากกว่าผักหลาย ๆ ชนิดถึง 20 เท่า การรับประทานงาขาวเป็นประจำจึงช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน อีกทั้งยังช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย
2. น้ำมันงา ที่ได้จากงาขาว ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ช่วยปรับสมดุลของระบบฮอร์โมน คลายอาการปวดเมื่อย ลดอาการปวดตามข้อและป้องกันโรคเหน็บชา
3. งาขาว มีโปรตีนที่ช่วยบำรุงเส้นผม จึงช่วยฟื้นฟูเส้นผมที่แห้งกร้านให้กลับมามีชีวิตชีวา ช่วยให้ผมดกดำ และช่วยลดผมแตกปลายได้เป็นอย่างดี
4. งาขาว มีวิตามินอี ซึ่งเป็นตัวช่วยคงความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพรรณ โดยวิตามินอีจะเป็นตัวกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนภายในร่างกาย ช่วยลดรอยย่นและร่องลึก และช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน
5. งาขาว มีวิตามินบี ซึ่งช่วยบำรุงระบบประสาท ทำให้ระบบประสาท ทำงานดีขึ้น และยังลด อาการตึงเครียดของสมอง จึงช่วยให้ หลับสบาย
6. งาขาว จะมีน้ำมันค่อนข้างมากนิยมนำมาสกัดเป็นน้ำมันงา ในกระบวนการสกัดจะได้ไขมันไม่อิ่มตัวชนิดดี ทั้งโอเมกา 3 และโอเมกา 6 ที่สามารถลดคอเลสเตอรอลและไขมันที่เกาะตามหลอดเลือด ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ
ที่มาจากบทความ https://amprohealth.com/magazine/sesame-seeds/
-ชุด คลายกล้ามเนื้อ-
2. ประโยชน์ของน้ำมันเมล็ด flaxseed สำหรับร่างกายของผู้หญิง
ประโยชน์ของน้ำมันเมล็ด flaxseed สำหรับผู้หญิง เป็นที่ชัดเจน เนื่องจากผู้หญิงหลังจากวัยหมดประจำเดือนมีแนวโน้มที่ มีโรคที่แตกต่างกันจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องรับประทานผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ สามารถนำไปทำอาหาร เช่น น้ำสลัดในรูปน้ำมันสกัดบริสุทธิ์ หรือในรูปของยาเช่นแคปซูล หากผู้หญิงอายุเกิน 30 ปี กินน้ำมัน flaxseed ทุกวัน เธอสามารถป้องกันโรคฮอร์โมนต่างๆระบบหัวใจและหลอดเลือดระบบกล้ามเนื้อและโครงกระดูกและปรับปรุงสภาพผิวและผิวได้
-ชุด คลายกล้ามเนื้อ-
แมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุสำคัญ สุดๆ ของร่างกาย โดยมีอยู่ในเซลล์ มากเป็นอันดับสอง รองจากโปแตสเซียม (แต่โปแตสเซียม นั้นร่างกายมักได้รับเพียงพอจากอาหารอยู่แล้ว)
พืชก็มีแมกนีเซียม เป็นส่วนประกอบ โครงสร้างใจกลางโมเลกุลของคลอโรฟิลล์ เปรียบเสมือน แกนหลักแห่งชีวิตของพืช โดยแมกนีเซียมเป็นศูนย์กลาง ของวงแหวนพอร์ฟัยริน (Porphyrin ring) ของคลอโรฟิลล์ ทำนองเดียวกับธาตุเหล็กเป็นศูนย์กลางของวงแหวนพอร์ฟัยริน ของฮีโมโกลบินในคน
ปริมาณทั้งหมดของแมกนีเซียม ในร่างกายปกติ มีอยู่ประมาณ 20 กรัม หรือมากกว่าธาตุเหล็ก 10 เท่า แต่เบากว่า 5 เท่า
แต่เราไม่สามารถ ตรวจหาการขาดแมกนีเซียมได้ เนื่องจาก 60% อยู่ในกระดูกร่วมกับแคลเซียม และฟอสเฟต ฯลฯ อีก 39% อยู่ในเซลล์ เหลือ 1% ในกระแสเลือด จึงทำให้ขาดความตระหนัก ในแร่ธาตุเสบียงสำคัญนี้ไป
3 ใน 4 ของปฏิกิริยาเคมีทั้งหมดของร่างกาย หรือกว่า 300 ปฏิกิริยาเคมี ต้องอาศัยแมกนีเซียม เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา หรือ Cofactor โดยเฉพาะการผลิตพลังงาน ATP ร่วมกับน้ำย่อย ATPase แมกนีเซียมจึงเปรียบเสมือน น้ำมันเครื่อง ประจำห้องเครื่อง (อันหมายถึง ไมโตคอนเดรีย ของเซลล์) คอยทำงาน ควบคู่กับ โคคิวเทน อันเปรียบเสมือน ช่างเครื่องผู้จุดประกาย…
การคลายตัว ของเซลล์กล้ามเนื้อ ต้องอาศัย และใช้แมกนีเซียม สิ้นเปลืองไป ซึ่งหากขาดแมกนีเซียม เซลล์ที่หดตัวได้อาจค้างคาในท่ากล้ามเนื้อหด เพราะคลายตัวไม่ได้ ซึ่งหากเป็นกับกล้ามเนื้อหัวใจ ผลที่พบคือ หัวใจหยุดเต้นในท่าหดตัว (Cardiac contraction)…ตาย !
เมื่อใดที่ร่างกาย หรือเซลล์ที่ต้องใช้แมกนีเซียมทำงาน แต่มีไม่เพียงพอ มันจะดึงแมกนีเซียม ออกมาจากกระดูก เพื่อใช้กับงานจำเป็นเร่งด่วนไปก่อน ผลก็คือ เหลือแต่แคลเซียมกับฟอสเฟต จับตัวกันที่กระดูก ทำให้ไม่แข็งแกร่ง (แมกนีเซียม เป็นตัวเสริมความแข็งแกร่ง ดังเช่น ล้อแมกซ์รถยนต์ ซึ่งเบาแต่แข็งมาก) ดังนั้น กรณีที่ กระดูกขาดแมกนีเซียม ผลตามมาคือ กระดูกพรุน หรือเปราะ ถูกกระทบนิดหน่อยก็หักได้ง่าย ดังที่เราพบผู้สูงอายุกระดูกหักโดยเฉพาะที่คอ กระดูกต้นขา
ปริมาณปกติของแมกนีเซียม ที่ร่างกายต้องการ ต่อวัน คือ 6 มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ในสัดส่วน แมกนีเซียมต่อแคลเซียม = 1:2 หรือหากได้รับ = 1:1 ก็ยิ่งดี โดยพบว่า การได้แมกนีเซียมเกินต้องการ ไม่เกิดพิษภัยร้ายแรง (ยกเว้น ผู้ที่ไตเสียหรือตั้งใจ กินฆ่าตัวตาย) แต่หากได้แคลเซียมมาก โดยขาดแมกนีเซียมร่วม จะเกิดผลเสียมากมาย อาทิ การเกิดหินปูน เกาะที่อวัยวะต่างๆ ที่เรียก Calcification เช่น นิ่วในไต, ลิ้นหัวใจที่มีแคลเซียมเกาะ ทำให้ปิดไม่สนิท หัวใจจะบวมโต เพราะทำงานหนัก เกาะที่หลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดแข็ง ตีบ เกิดความดันโลหิตสูง
ที่มาจาก แมกนีเซียม (mmc.co.th) https://mmc.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=772&catid=99&Itemid=624&lang=th